ความแตกต่างระหว่างรองเท้าวิ่งในฟิตเนสและรองเท้าวิ่งเอาท์ดอร์

ความแตกต่างระหว่างรองเท้าวิ่งในฟิตเนสและรองเท้าวิ่งเอาท์ดอร์

เลือกซื้อรองเท้าออกกำลังกายสักคู่ ว่าควรเลือกแบบไหนถึงจะดีและเหมาะกับประเภทของการออกกำลังกาย

ก่อนการเลือกซื้อรองเท้าออกกำลังกาย การที่เราศึกษาช้อมูลความแตกต่างของรองเท้าแต่ละประเภทนั้น เป็นสิ่งสำคัญเพราะเราจะได้ดึงประโยชน์ด้านดีของรองเท้าแต่ละประเภทออกมาใช้ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

 

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักวิ่ง ผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายทุกประเภท หรือทั้งสองอย่าง การเลือกซื้ออุปกรณ์ที่เหมาะกับประเภทของกีฬาเป็นสิ่งสำคัญ เช่น รองเท้าวิ่ง อุปกรณ์วิ่งต่างๆ ที่ในปัจจุบันนี้มีให้เลือกมากมาย และอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในวงการนี้ วันนี้ Rev ขอนำข้อมูลมาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรองเท้าสำหรับออกกำลังกาย

สำหรับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายหรือเพิ่งจะเริ่มออกกำลังกาย มักจะคิดว่าแค่รองเท้าผ้าใบสักคู่ก็ใส่ทั้งวิ่งในยิมและวิ่งตามสวนสาธารณะได้แล้ว การเลือกตัดสินใจแบบนั้นอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บระหว่างออกกำลังกายได้ จริงอยู่ที่ว่า รองเท้าสำหรับใส่เทรนในฟิตเนสกับรองเท้าวิ่งเอาท์ดอร์จะคล้ายกัน แต่มันมีความแตกต่างกันอยู่เช่นกัน เช่น

  • รองเท้าเทรนนิ่งจะรองรับรูปแบบการเคลื่อนไหวได้หลายรูปแบบกว่า แต่อาจจะรองรับแรงกระแทกได้ไม่ดีเท่ารองเท้าวิ่งเอาท์ดอร์

 

รองเท้าวิ่ง

รองเท้าวิ่งเอาท์ดอร์ ส่วนใหญ่จะถูออกแบบมาเพื่อให้รองรับแรงกระแทกและรองรับการเคลื่อนไหวไปข้างหน้า มีน้ำหนักเบา พื้นรองเท้าชั้นกลางจะมีไว้เพื่อรองรับอุ้งเท้าและช่วยป้องกันการบาดเจ็บ และรองเท้าวิ่งถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการวิ่งโดยเฉพาะ หากต้องการออกกำลังกายแบบเทรนนิ่งบนลู่ตามยิมหรือฟิตเนส แต่ถ้าสมมติ ไปวิ่งเทรนนิ่งบนลู่แต่วิ่งมากกว่า 2 กิโลขึ้นไป ควรใส่รองเท้าวิ่งเลยจะดีกว่า


การเลือกรองเท้าวิ่ง

  1. รองเท้าวิ่งที่ดีเมื่อใส่แล้ว ควรจะรู้สึกถึงความสบาย ไม่หนักเท้า และสวมใส่ได้พอดีไม่หลวมหรือคับจนเกินไป เพราะอาจเป็นอุปสรรคในการวิ่งหรือทำให้เกิดการบาดเจ็บได้
  2. ต้องสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี ยกตัวอย่าง รองเท้า Nike Zoom ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระเเทกระหว่างการวิ่ง
  3. มีน้ำหนักเบา น้ำหนักมีส่วนสำคัญกับเพซในการวิ่ง ถ้ารองเท้าวิ่งหนักเกินไปจะทำให้เพซในการวิ่งช้าลง ผู้ส่วมใส่ต้องออกแรงมากขึ้น
  4. ดูที่ Heel-toe Drop ว่ามีความหนามากว่าหรือเท่ากับ 10 มิลลิเมตรหรือไม่
  5. รองเท้าวิ่ง Performance หรือ Super Shoe สำหรับนักวิ่งสายอาชีพ รองเท้าประเภทนี้จะมาพร้อมเทคโนโลยีชั้นสูงในเรื่องของโฟมรองรับแรงกระแทก แผ่น Carbon plate ที่ช่วยเรื่องแรงเด้งแรงส่ง แต่รองเท้าประเภทนี้ไม่เหมาะกับการใส่ทุกวัน

 

รองเท้าเทรนนิ่ง

รองเท้าเทรนนิ่งสามารถรองรับการเคลื่อนไหวได้หลายรูปแบบ โดยส่วนใหญ่รองเท้าครอสเทรนนิ่งจะให้การซัพพอร์ตและมีคุชชั่นบริเวณส้นเท้าและกลางเท้าได้ดี และควรเลือกดูที่พื้นรองเท้าด้วยว่าเป็นแบบแบนเรียบหรือไม่ เพื่อช่วยในการเบรกการเคลื่อนไหวกระทันหัน และควรต้องยึดเกาะได้ดีทุกพื้นผิว เหมาะกับการออกกำลังกายที่มีการผสมผสานการวิ่ง เช่น HIIT ซึ่งการฝึกเเบบ HIIT ที่จะมีการเคลื่อนไหวแบบ Plyomaetric คือการเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่น การฝึกความคล่องตัว การฝึกแบบ HIIT เล่นเวท บาสเก็ตบอล เทนนิส แอโรบิค ครอสฟิต โยคะ ซุมบ้าและคลาสแดนซ์ต่างๆ อย่างเช่น HOKA Solimar



การเลือกรองเท้าเทรนนิ่ง

  1. ต้องสวมใส่สบาย พอดีเท้า ข้อนี้เป็นสิ่งแรกของการเลือกซื้อรองเท้าทุกประเภท
  2. ต้องสามารถรองรับแรงกระเเทกบริเวณอุ้งเท้า เพื่อลดโอกาสการบาดเจ็บที่ข้อเท้า
  3. ความหนาของพื้นรองเท้าชั้นนอก ต้องหนาและกว้างพอให้เท้าของเราทรงตัวอยู่กับที่ในขณะที่เราเคลื่อนที่ไปด้านข้าง
  4. สำหรับการใส่เพื่อเล่นเวท ส่วนส้นเท้าต้องมีซัพพอร์ตที่ดีเพื่อรองรับน้ำหนักจากเวทและช่วยซัพพอร์ตข้อเท้าของเรา

 

หากนำมาเปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ เพื่อให้ผู้ที่กำลังจะซื้อรองเท้าสำหรับออกกำลังกาย สามารถเปรียบเทียบได้ดังตารางนี้

รองเท้าวิ่ง รองเท้าเทรนนิ่ง
รองรับการเคลื่อนที่ไปด้านหน้า รองรับการเคลื่อนที่ได้หลายทิศทาง
พื้นรองเท้าชั้นกลางรองรับแรงกระแทกได้ดี รองรับแรงกระแทกที่ส้นเท้า
ส่วนส้นเท้าสูง ส่วนส้นเท้าจะไม่สูงเท่ารองเท้าวิ่ง
น้ำหนักเบา และระบายอากาศได้ดี เน้นความทนทาน

 

หรือจะนำวิธีสังเกตรองเท้าวิ่งกับรองเท้าเทรนนิ่งแบบง่ายๆ มาฝากกันอีก 3 วิธีนี้ไปประกอบการตัด สินใจซิ้อก็ได้

  1. สังเกตดูที่ส้นของรองเท้า รองเท้าวิ่งออกแบบมาเพื่อให้วิ่งในทางตรง ส่วนส้นเท้าจะสูงกว่าปลายเท้า เพื่อซัพพอร์ตการวิ่งและป้องกันแรงกระแทกที่จะเกิดขึ้นที่หัวเข่า ต่างกับรองเท้าเทรนนิ่งที่ออกแบบมาให้ส่วนของส้นเท้าและปลายเท้าเท่ากันตลอด
  2. สังเกตที่ฝ่าเท้า รองเท้าวิ่งส่วนของพื้นรองเท้าออกแบบมาให้มีส่วนเว้าที่กลางฝ่าเท้า รองรับแรงกระแทก ส่วนรองเท้าเทรนนิ่ง พื้นรองเท้าด้านในจะเรียบเพื่อการเคลื่อนไหวในทิศทางต่างๆ ได้สะดวกขึ้น
  3. สังเกตที่รูปทรง จุดเด่นของรองเท้าเทรนนิ่ง คือ ผิวด้านข้างจะมน ปลายมน รวมไปถึงส้นมน ส้นไม่ยกสูง ดีไซน์ไม่ได้โฉบเฉี่ยวมาก เพราะออกแบบมาให้ออกกำลังกายในยิม ส่วนรองเท้าวิ่ง ออกแบบมาให้สะดุดตา มีสีสัน สีสะท้อนแสง เพื่อป้องกันเวลาวิ่งตอนช่วงเช้าหรือหัวค่ำ คนอื่นๆ จะได้สังเกตเห็นได้



ข้อมูลแน่นขนาดนี้พอจะทำให้ผู้อ่านตัดสินใจเลือกซื้อรองเท้าออกกำลังกายได้หรือยัง หากยังไม่รู้จะเลือกแบบไหน สไตล์ไหน ลองคลิกที่ www.rev.co.th ที่ REV เราแยก category รองเท้าให้ได้เลือกใช้งานอย่างถูกประเภท ทั้งรองเท้าวิ่ง รองเท้าเทรนนิ่ง รองเท้าวิ่งเทรล รองเท้าไลฟ์สไตล์ รองเท้าผู้หญิง รองเท้าผู้ชาย อุปกรณ์วิ่ง ฯลฯ เราแยกมาให้อย่างชัดเจน เพื่อช่วยให้ลูกค้าทุกท่านเลือกซื้อรองเท้าได้ตามความต้องการ

นอกจากนี้เรายังมีโปรโมชั่นประจำเดือน และโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าใหม่ รับส่วนลดไปเลย 150 บาท สามารถนำมาใช้เป็นส่วนลดในการเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่ไม่มีเวลาเดินทาง สามารถช้อปผ่านช่องทางออนไลน์ เราจัดส่งทั่วประเทศและมั่นใจได้ว่าสินค้าทุกชิ้นจาก REV เป็นของเเท้ 100%

สำหรับใครที่มีแต่รองเท้าวิ่ง อยากจะใส่เทรนนิ่งในยิมหรือฟิตเนสก็ได้ แต่สำหรับใครที่มีแต่รองเท้าเทรนนิ่ง เราไม่แนะนำให้นำมาใส่วิ่งเอาท์ดอร์ เพราะรองเท้าเทรนนิ่งไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับแรงกระแทกที่หัวเข่า อาจทำให้ผู้สวมใส่เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้

 

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.rev.co.th
ติดต่อ : https://www.rev.co.th/contact-us
Line: https://lin.ee/PCz490D
Facebook : https://www.facebook.com/sportsrev.th
Instagram : https://www.instagram.com/rev.runnr