แนะนำเทคนิคเลือกรองเท้าวิ่ง สำหรับมือใหม่

แนะนำเทคนิคเลือกรองเท้าวิ่ง สำหรับมือใหม่

มือใหม่เลือกรองเท้าวิ่ง อย่างไรให้วิ่งฉลุย

การวิ่งถือเป็นกีฬาที่ไม่ว่าใครก็สามารถเล่นได้ ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วของร่างกาย อีกทั้งการวิ่งยังเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอีกด้วย ในปัจจุบัน การวิ่งนั้นก็มีมากมาย ทั้งการวิ่งบนลู่วิ่งในฟิตเนส ไปจนถึงการวิ่งในสวนสาธารณะ นอกจากนี้ยังมีการแข่งวิ่งมากมาย ให้ได้เข้าร่วมกัน ทั้งเป็นการแข่งเพื่อชิงรางวัล หรือเพื่อการกุศล ทั้งนี้ การวิ่งที่ดีนั้น

 

นอกจากที่ตัวผู้วิ่งจะต้องเตรียมพร้อมร่างกาย ฝึกฝนและวิ่งให้ถูกต้องแล้ว รองเท้าวิ่ง ก็ถือเป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยให้สามารถวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการวิ่งในระยะทางยาวๆ อุปกรณ์วิ่งอย่างรองเท้าจึงเป็นส่วนที่ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี

 

มือใหม่เลือกรองเท้าวิ่งต้องดูอะไรบ้าง

สำหรับใครที่สนใจในการวิ่ง และกำลังมองหารองเท้าวิ่งดีๆ สักคู่หนึ่งมาสวมใส่ แต่ไม่รู้จะเลือกรองเท้าอย่างไรดี เพราะมีมากมายหลากหลายยี่ห้อ มาดูเทคนิคดีๆ จะช่วยให้การเลือกซื้อรองเท้าวิ่ง ง่ายดายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังได้รองเท้าที่ดี เพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง ทั้งยังช่วยลดอาการบาดเจ็บข้อเท้าหรือกล้ามเนื้อได้ด้วย

  1. ทำรู้จักกับรองเท้าวิ่ง
    ก่อนที่จะไปหาซื้อรองเท้า ผู้ซื้อควรต้องรู้ก่อนว่ารองเท้าวิ่งประกอบไปด้วยส่วนใดบ้าง สำหรับอุปกรณ์วิ่งอย่างรองเท้านั้น ก็มีส่วนประกอบหลักๆอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน คือOutsole หรือส่วนของพื้นรองเท้าด้านนอก,Insole หรือส่วนของพื้นรองเท้าด้านในที่สัมผัสกับเท้าของผู้สวมใส่ และ Midsole ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางระหว่าง Outsole กับ Insole โดยจะเป็นส่วนที่ช่วยในการลดแรงกระแทก ป้องกันอาการบาดเจ็บต่างๆ อีกทั้งยังช่วยควบคุมการทรงตัวของผู้สวมใส่อีกด้วย

    นอกจากนี้ยังมีส่วนปลีกย่อยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Upper, Ankle Collar, Toebox และ Heel Counter สำหรับประเภทของรองเท้าวิ่งนั้น มีการแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภทมากมาย แบ่งตามประเภทการวิ่ง เช่น Road running shoes หรือรองเท้าสำหรับทางเรียบ, Trail running shoes หรือรองเท้าสำหรับการวิ่งเทรล ฯลฯ หรือการแบ่งประเภทของรองเท้าที่สัมพันธ์กับการใช้งาน เช่น Neutral shoes หรือรองเท้าที่เหมาะแก่การวิ่งในยิมหรือพื้นผิวในสนามกีฬาและสวนสาธารณะ, Stability shoes ซึ่งเป็นรองเท้าที่เหมาะแก่การสวมใส่ในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินทางไปทำงาน หรือการวิ่งขึ้นลงบันได, Motion shoes รองเท้าที่เน้นไปที่การถนอมข้อเท้า เหมาะสำหรับคนที่วิ่งบ่อยๆ และ Barefoot shoes ซึ่งเป็นรองเท้าที่เน้นความปราดเปรียว น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการเคลื่อนไหวที่สะดวกสบาย เป็นต้น


  2. เลือกรองเท้าให้เหมาะกับสรีระของเท้า
    การเลือกรองเท้าวิ่งที่ดี เมื่อทำความรู้จักกับรองเท้าวิ่งในเบื้องต้นไปแล้ว ก็ต้องทำความรู้จักกับสรีระอุ้งเท้าของผู้สวมใส่ด้วย เท้าของแต่ละคนจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป สามารถตรวจสอบได้โดยการทำให้เท้าเปียก จากนั้นเหยียบหรือวางเท้าลงบนกระดาษให้เต็มฝ่าเท้า จากนั้นให้นำเท้าออกจากกระดาษ เพื่อดูรอยเท้า

    โดยลักษณะของอุ้งเท้าหรือฝ่าเท้านั้น จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

    • Normal Arch: เป็นลักษณะของอุ้งเท้าที่พบเจอได้ทั่วไป หากนำเท้าออกจากกระดาษ จะพบกับรอยเว้าของฝ่าเท้าเพียงครึ่งหนึ่ง อีกทั้งจะมีส่วนเว้าและส่วนโค้งของเท้าที่พอดีกับการรองรับน้ำหนักตัว

    • High Arch / Very High Arch: จะเป็นลักษณะของอุ้งเท้าที่สูง คือ มีช่วงกลางฝ่าเท้าที่สูงจากพื้นมากกว่าปกติ รวมไปถึงมากกว่าเท้าทุกประเภท ลักษณะเท้าประเภทนี้จะส่งผลให้เวลาที่ เดิน วิ่ง หรือเกิดการลงน้ำหนัก จะมีแรงกระแทกเกิดขึ้นเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณของส้นเท้าและบริเวณเท้าด้านหน้า เกิดปัญหาข้อเท้าพลิกได้ง่าย รวมไปถึงการปวดส้นเท้า หรือข้อเท้าด้วย

    • Flat Arch: เป็นลักษณะของเท้าที่แบน ราบไปกับพื้น เมื่อยกเท้าขึ้นจากกระดาษ จะเห็นรอยเท้าเต็มทั้งฝ่าเท้า และแทบจะไม่มีส่วนเว้าหรือส่วนโค้งของเท้าเลย ผู้ที่มีลักษณะเท้าแบบนี้ ควรเลือกรองเท้าให้มีส่วนโค้งและส่วนเว้าที่รองรับกับอุ้งเท้าได้ดี เพื่อไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บขณะที่วิ่งหรือเดิน

     

  3. เลือกขนาดให้พอดี
    การเลือกรองเท้าวิ่งที่ดี สิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากๆ เลยก็คือ เรื่องของขนาดรองเท้าที่พอดีกับเท้าของผู้สวมใส่ การสวมใส่รองเท้าที่ดีนั้น ควรเป็นรองเท้าที่สวมใส่แล้วรู้สึกสบาย สามารถขยับเท้าไปมาได้ ไม่ทำให้รู้สึกคับ หรือหลวมจนเกินไป โดยเลือกให้ส่วนของปลายรองเท้ามีความยาวกว่านิ้วเท้าที่ยาวที่สุดของผู้สวมใส่ประมาณ 0.5 นิ้ว หรือประมาณ 1.27 ซม. อีกทั้งช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเลือกซื้อรองเท้านั้นก็คือ ช่วงเย็น เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่เท้าขยายเต็มที่จากการใช้งานมาทั้งวัน นอกจากนี้ก็ยังมีในเรื่องของหลังเท้า ที่รองเท้าควรกระชับและห่อหุ้มหลังเท้าของผู้สวมใส่ได้ดี ไม่บีบรัดหรือหลวมจนเกินไปอีกด้วย


  4. เลือกรองเท้าที่มีน้ำหนักเบา
    อุปกรณ์วิ่งอย่างรองเท้าวิ่งนั้นควรจะต้องมีน้ำหนักที่เบาและสามารถระบายอากาศดี เนื่องจากน้ำหนักที่เบาจะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถวิ่งได้อย่างคล่องตัว มีรู้สึกหนักเท้าหรือหน่วงเท้าขณะที่กำลังวิ่ง และการระบายอากาศนั้นก็ยังช่วยให้การวิ่งระยะทางไกลสามารถทำได้ดียิ่งขึ้น ผู้สวมใส่รู้สึกสบายเท้า ไม่รู้สึกอับชื้นซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาเรื่องกลิ่นเท้า อีกทั้งการระบายอากาศที่ดียังช่วยลดการเสียดสีของเท้าเนื่องจากเหงื่อที่ออกบริเวณเท้าอาจก่อให้เกิดการเสียดสีระหว่างการวิ่ง ส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บเท้าได้


  5. เลือกรองเท้าที่รองรับแรงกระแทกได้ดี
    รองเท้าวิ่งที่ดีควรเป็นรองเท้าที่สามารถรับแรกกระแทกได้ดี มีพื้นรองเท้าที่นุ่ม สวมใส่สบาย ไม่ทำให้รู้สึกเมื่อย เพราะการวิ่งนั้น จะส่งผลให้เกิดแรงกระแทกที่เท้าเป็นหลัก การรองรับแรงกระแทกจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยลดอาการบาดเจ็บบริเวณเท้าไปจนถึงอาการบาดเจ็บหัวเข่าได้


  6. เลือกรองเท้าที่มีความยืดหยุ่น
    เมื่อรองรับแรงกระแทกได้ดีแล้ว รองเท้าวิ่งที่ดีควรมีความยืดหยุ่นที่ดีด้วย เพราะรองเท้าที่ยืดหยุ่นได้ดีนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงของอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าได้ ทั้งยังช่วยไม่ให้เท้าพลิกได้ง่าย ผู้สวมใส่สามารถลองทดสอบความยืดหยุ่นของรองเท้าได้จากการลองจับที่ปลายของรองเท้า จากนั้นงอขึ้นด้านบน ปลายของรองเท้าที่แข็งจนเกินไป จะทำให้ไม่รองรับสรีระของเท้าในขณะที่วิ่ง ส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย


  7. เลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับประเภทการวิ่ง
    ประเภทของการวิ่งก็เป็นอีกปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับการเลือกรองเท้าวิ่ง อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่ารองเท้ามีการออกแบบมาหลากหลายประเภท ซึ่งสัมพันธ์กับการวิ่ง ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกซื้อรองเท้า ผู้สวใส่ควรคำนุงถึงประเภทของการวิ่งเสียก่อน เพื่อที่จะสามารถเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับประเภทของการวิ่งได้ง่ายมากขึ้น เพราะการเลือกรองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับประเภทของการวิ่งนั้น นอกจากจะทำให้วิ่งได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพแล้ว อาจทำให้รองเท้าเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรด้วย

    ประเภทของการวิ่งหลักๆ จะประกอบไปด้วย

    • การวิ่งบนพื้นถนนหรือพื้นสนาม พื้นยางในร่ม การวิ่งประเภทนี้ เหมาะกับรองเท้าที่มีพื้นเรียบ หนา น้ำหนักเบา รองรับแรงกระแทกได้ดี เพื่อความสะดวกสบายในการวิ่ง

    • การวิ่งแบบ Trail หรือการวิ่งบนพื้นที่ขรุขระ ไม่ว่าจะวิ่งบนดิน หิน หรือโคลน รองเท้าที่เหมาะสมกับการวิ่งประเภทนี้ควรเป็นรองเท้าที่มีปุ่มเล็กน้อย เพื่อช่วยป้องการลื่นขณะวิ่ง โครงสร้างของรองเท้าควรมีความแข็งแรง เพื่อช่วยป้องกันเท้าจากเศษหิน เศษดิน รากไม้ อีกทั้งยังช่วยลดการฉีดขาดจากการขูดหรือขีดกับสิ่งกีดขวางต่างๆ ด้วย

    • การวิ่งแบบผสมผสาน จะเป็นการวิ่งที่ผสมผสานทั้งพื้นเรียบและขรุระ รองเท้าที่เหมาะสมจึงเป็นรองเท้าที่เป็นลักษณะกลางๆ รองรับได้ทั้งพื้นเรียบและไม่ลื่นหากต้องวิ่งบนพื้นขรุขระ

 

และทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคสำหรับมือใหม่ในการเลือกซื้อรองเท้าวิ่ง สำหรับใช้ในการวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งทั่วไป การวิ่งเพื่อออกกำลังกายลดน้ำหนัก หรือการวิ่งเพื่อแข่งขัน ทั้งนี้ในแต่ละแบรนด์แต่ละยี่ห้อก็ยังมีการออกแบบลูกเล่น คุณสมบัติของรองเท้าที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย เทคนิคเหล่านี้จึงเป็นตัวช่วยในเบื้องต้นที่จะช่วยให้การตัดสินใจเลือกรองเท้าทำได้ดียิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้รองเท้าที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ ที่ช่วยเสริมให้การวิ่งที่ทำได้ดีที่สุดนั่นเอง

 

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

https://www.rev.co.th
ติดต่อ : https://www.rev.co.th/contact-us
Line: คลิกเพิ่มเพื่อน
Facebook : https://www.facebook.com/sportsrev.th
Instagram : https://www.instagram.com/rev.runnr